สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีบทความที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนปฏิบัติตัวในช่วงหน้าฝน มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เพราะตอนนี้เริ่มเข้าฤดูฝนแล้ว ฝนการเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่หวังว่าน้ำคงไม่ท่วมกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆ เหมือนปีก่อนโน้นนะค่ะ ทุกคนลำบากมาก ไม่ว่าจะเรื่องการเดินทาง อาหารการกิน รวมถึงการใช้ชีวิต สำหรับเราแล้วช่วงๆแรกก็ตื่นเต้นดีใจ พอผ่านไปวันที่สามขำไม่ออก ลุยน้ำทุกวัน @_@
ดังนั้นเรามาอ่านข้อมูลที่จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ดีกว่า หากพบผู้ป่วยรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 “หน่วยกู้ชีพ” แนะต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวน ไม่นำกระแสไฟฟ้าช่วยผู้ป่วยให้หลุดจากกระแสไฟ้โดยเร็ว ย้ำหากหยุดหายใจต้องรีบช่วยฟื้นคืนชีพ
ช่วงฤดูฝนเช่นนี้ นอกจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้ปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังอาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินซึ่งต้องระมัดระวังกันด้วย อาทิ อันตรายจากไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าดูด เนื่องจากละอองฝนอาจกระเด็นไปโดนปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจนอาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าช็อตหรือไฟฟ้าลัดวงจรได้
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า อาการของคนที่โดนกระแสไฟฟ้าดูด กระแสไฟจะไหลผ่านหัวใจทำให้หัวใจหยุดทำงาน และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ ที่เป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้า เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะในช่องท้อง และระบบประสาท ซึ่งหากกระแสไฟฟ้ามีแรงสูงมากๆ จะส่งผลให้เนื้อเยื่อที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านถูกทำลายอย่างรุนแรง และจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของอวัยวะในช่องท้องได้ บางคนอาจมีอาหารชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หายใจเร็วและหมดสติ ทั้งนี้หากเราพบเห็นผู้ถูกไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อตในระหว่างการเข้าให้การช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นจะต้องรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างถูกวิธี เพราะผู้ป่วยจะได้รับอันตรายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ถูกไฟฟ้าดูด และการช่วยเหลือที่ทันกาลและถูกวิธีจะเพิ่มโอกาสรอดให้กับผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย
นายผดุงเกียรติ คุ้มมะม่วง เจ้าหน้าที่อาสาฉุกเฉินการแพทย์ (FR) องค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา แนะนำวิธีการเข้าช่วยเหลือผู้ถูกไฟฟ้าดูดว่า จะต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ถูกไฟดูด ไฟช็อตให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้การเคลื่อนย้ายจะต้องทำด้วยความระมัดระวังด้วยเพราะผู้ป่วยอาจได้รับบาดเจ็บในบริเวณอื่นด้วย เช่น ตกจากที่สูง
นอกจากนี้การช่วยเหลือจะต้องป้องกันตนเองไม่ให้ถูกไฟดูดหรือเป็นผู้ประสบเหตุเองด้วย โดยต้องรีบหาแหล่งที่เกิดไฟฟ้ารั่วและหาทางตัดวงจรไฟฟ้าเสียก่อน ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินถูกกระแสไฟฟ้าดูดและมีสายไฟผ่านตัวผู้ป่วยอยู่ จะต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวน ไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่น ไม้ เชือกที่แห้ง สายยาง ถุงมือยางหรือผ้าแห้งพันมือให้หนา จากนั้นผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบเหตุให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือเขี่ยออกจากตัวผู้ประสบอันตรายออกจากกระแสไฟ แต่ทั้งนี้หากเป็นกระแสไฟฟ้าแรงสูงควรแจ้งการไฟฟ้าโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ตัดกระแสไฟฟ้า รวมถึงโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพที่สายด่วน 1669
หากผู้ถูกไฟดูดโดดดูดในบริเวณที่มีน้ำขัง ผู้ช่วยเหลือไม่ควรลงไปในน้ำเด็ดขาดจะต้องตัดกระแสไฟฟ้าก่อนเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งการเข้าไปช่วยเหลือจะต้องทำด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ และระมัดระวัง จากนั้นห่อหุ้มบริเวณที่ถูกไฟดูดด้วยผ้าแห้ง และหากมีบาดแผลบริเวณนั้นหรือไม่แน่ใจว่ามีการบาดเจ็บของผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกายบริเวณที่ถูกสัมผัสหรือไม่ จะต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที อย่างไรก็ตามสำหรับการปฐมพยาบาลหากพบว่าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น จะต้องรีบทำรีบทำการฟื้นคืนชีพทันที
ถ้าเราเจอคนที่ถูกไฟช็อตหรือไฟดูดก่อนอื่น เราจะต้องตั้งสติให้ดีก่อนอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย สำนักงาน บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ พยาบาลโรงงานจะต้องร่วมมือกับแผนกความปลอดภัยในการดูแลพนักงานเมื่อเกิดไฟฟ้าดูดขึ้น รวมถึงประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่อส่งตัวต่อโดยด่วน
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ถูกไฟดูด แต่การช่วยเหลือจะต้องป้องกันตนเองไม่ให้ถูกไฟดูดด้วย
หาวัสดุที่เป็นฉนวน ไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่น ไม้ ผ้าแห้งพันมือให้หนา ผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบเหตุให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือเขี่ยออกแต่หากเป็นกระแสไฟแรงสูง
ควรโทรแจ้งการไฟฟ้าเพื่อตัดไฟ
หากมีการบาดเจ็บของผิดหน้าและเนื้อเยื่อควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที และหากพบว่าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นให้ทำการฟื้นคืนชีพ
ติดต่อเหตุฉุกเฉินโทรได้ที่ 1669
หาวัสดุที่เป็นฉนวน ไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่น ไม้ ผ้าแห้งพันมือให้หนา ผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบเหตุให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือเขี่ยออกแต่หากเป็นกระแสไฟแรงสูง
ควรโทรแจ้งการไฟฟ้าเพื่อตัดไฟ
หากมีการบาดเจ็บของผิดหน้าและเนื้อเยื่อควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที และหากพบว่าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นให้ทำการฟื้นคืนชีพ
ติดต่อเหตุฉุกเฉินโทรได้ที่ 1669
ขอบคุณข้อมูลจาก Thaipbs.or.th