การค้าการลงทุนในภาคตะวันออกเป็นอย่างไรบ้าง
ภาคตะวันออกเรามักพูดถึงแค่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด แต่จังหวัดที่
ผมดูรวมทั้ง 9 จังหวัด ธุรกิจการค้า เศรษฐกิจก็ดีเป็นบางจังหวัด ได้แก่
ชลบุรี ระยอง การลงทุนหลักของภาคนี้ถ้าเอาเม็ดเงินเป็นหลักก็คือ
ชลบุรี ระยอง เอาที่บีโอไออนุมัติจากทั้งประเทศที่หนึ่งล้านล้านบาทอยู่ที่ระยองสามแสนล้านบาท ยังไม่รวมชลบุรี
ถ้าสองจังหวัดรวมกันก็เกินครึ่งของประเทศไทย ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องการลงทุนในภาคตะวันออกยังมีต่อเนื่องถามว่าเศรษฐกิจของเรามีอยู่กลุ่มไหนบ้าง
ส่วนแรกก็เป็นอุตสาหกรรมที่ชัดเจนมาก ส่วนที่สอง คือเรื่องท่องเที่ยว จังหวัดที่เหลือจะมีเรื่องของเกษตรบ้างแต่มูลค่าจะไม่มาก
ส่วนทางด้านการค้าเรามีชายแดนทางด้านจันทบุรี ตราด สระแก้ว การค้าชายแดนมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน
ในหลายหมื่นล้านที่ได้ก็เป็นเกินดุลทั้งนั้น เราส่งออกไปกัมพูชาหลายหมื่นล้านแต่นำเข้าไม่กี่พันล้าน
ตอนนี้ในจังหวัดตราดก็มีการค้ากับกัมพูชาและเวียดนามด้วย
เราส่งออกไปเวียดนามใกล้มาก จากตราดเราส่งออกทางเรือ จึงต้องมีแพทย์และพยาบาลประจำโรงงานชลบุรีและระยอง จำนวนมากประจำตามโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ค่อยดูแลพนักงานให้ได้รับสุขภาพที่ดี จะได้ปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพที่ตนเองมีอยู่
แนวทางการพัฒนาศักยภาพแต่ละพื้นที่อย่างไรบ้าง
ถ้าพูดถึงศักยภาพของพื้นที่อย่างเดียว ผมคิดว่าในภาคตะวันออกสามารถพัฒนาไปได้อีกไกลมาก
ที่เราเห็นตัวเลขในวันนี้เราสามารถไปได้หลายเท่าตัวเราดูจากตัวหลักคือการค้าระหว่างประเทศมันเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นคือ
พรมแดนการค้ามันสลายไปแล้ว มีทั้งเอฟทีเอ มีระเบียบการค้าที่สามารถขายข้ามแดนระหว่างประเทศประเทศไทยก็อยู่ในภาวะนี้
ไทยมีประตูหลักๆ อยู่ 2 ประตู คือประตูด้านสินค้าก็มีแหลมฉบัง ตู้สินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบังจะมีมากกว่าท่าเรือกรุงเทพฯ
เป็นสิบเท่าต่อไปท่าเรือกรุงเทพฯ ก็จะลดความสามารถลงเนื่องจากการจราจรที่ติดขัดก็จะไปอยู่ที่แหลมฉบังต่อไปอันที่สองที่เกี่ยวกับเรื่องคนที่จะย้ายไปย้ายมา
คนที่อยู่สุวรรณภูมิถือว่าเป็นประตูทางด้านคนเข้าคนออกของประเทศที่ใหญ่ที่สุด มีศักยภาพของคนที่มาติดต่อค้าขายมาท่องเที่ยว ซึ่งในภาคตะวันออก
อยู่ในสมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา นโยบายที่เราจะทำเรื่องนี้ถ้าเราจัดการเรื่องแผนงานได้ผมคิดว่าก็มีโอกาสมากศักยภาพที่โดดเด่นก็มีอยู่สามเรื่องโดยดูในเรื่องวอลลุ่มของมูลค่าเป็นหลัก
อันแรกคือ ปิโตรเคมี เรื่องยานยนต์ และพลังงาน แล้วก็เป็นเรื่องท่องเที่ยว เราก็มีพัทยาเป็นเมืองหลวงของการท่องเที่ยว
ก็จะกระจุกตัวอยู่ที่สามเหลี่ยม ระยอง ชลบุรี จะมีสมุทรปราการ มีสุวรรณภูมิลากเชื่อมโยงกัน
ศักยภาพตรงนี้มันสูงมาก แต่ว่าในอดีตเราก็ไม่ได้ทำอะไรมาก มันโตของมันเองตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมผ่านทางนโยบายบีโอไอ
ผ่านทางนโยบายในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ทำ
พอมันเป็นอย่างนี้ขึ้นมา มันก็เกิดปัญหาบ้างในปัจจุบัน ดังเช่นการประท้วงมลภาวะในเขตมาบตาพุด
เราได้เห็นศาลปกครองได้สั่งประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษผมว่าพื้นฐานของการที่มีประชาชนมาประท้วงก็เป็นเพราะว่า
รัฐบาลลงทุนทางด้านสังคมน้อยไป ทำให้เขามีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าเราคิดว่าพื้นที่มันมีศักยภาพในเมืองไทยก็จำเป็นต้องปรับนโยบาย
ถ้าทำนโยบายได้ดีมันก็ไปได้เรื่อยๆ มันขยายไปได้เรื่อยๆ มันจะก่อประโยชน์ทั้งประเทศ
ที่ผมยกตรงนี้ขึ้นมาเพราะว่ารายได้ของรัฐบาลที่เก็บเข้ารัฐจากสองจังหวัดคือ ชลบุรี
และระยอง เท่ากับ15 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศไทยลองดูว่าประเทศไทยใช้งบประมาณ
100 เปอร์เซ็นต์ 85 เปอร์เซ็นต์เป็นงบประจำใช้จ่ายเงินเดือน
อีก 15 เปอร์เซ็นต์เป็นงบลงทุนในการสร้างโน่นสร้างนี่ รายได้จากสองจังหวัดเป็นงบลงทุน
ถ้าไม่มีสองจังหวัดนี้เท่ากับว่าเราหามาได้จ่ายเงินเดือนประจำอย่างเดียว
ไม่สามารถไปทำอย่างอื่นได้พอมองภาพก็มองเห็นว่าเป็นศักยภาพเราก็มีทางเลือกว่า เราทำธุรกิจที่อยู่ในทำเลที่ดี
เราจะปล่อยทำเลนั้นให้รกร้างว่างเปล่าหรือทรุดโทรมก็ได้ หรือเราจะไปสร้างอะไร สร้างเงินสร้างงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ผมมองว่าทำเลมันดีอยู่แล้วก็เหลือแต่ว่านโยบายที่จะลงไปจะเป็นยังไงผมว่ามีหลายอย่างที่ทำได้อันแรกนโยบายการเพิ่มคุณภาพชีวิตต้องลงทุนทางด้านสังคม สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมในการทำงาน โดยมีการจัดจ้างแพทย์และพยาบาลประจำโรงงานชลบุรีและระยองมาดูแลสุขอนามัยของพนักงานหรือลูกจ้าง ถือว่าเป็นสวัสดิการที่สำคัญซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจ จะทำให้ลูกจ้างปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ตามความสามารถ ในหลายครั้งที่สำรวจความคิดเห็นของคนวัยทำงานพอสรุปได้ว่าเมื่อสุขภาพกายใจดีแล้ว งานที่ทำออกมาก็จะดีตามไปด้วย
No comments:
Post a Comment